อาการ ของ Bálint's syndrome

อาการนี้สามารถลดสมรรถภาพทางร่างกายไปได้มากเพราะมีผลต่อ visuospatial skill (ทักษะเกี่ยวกับพื้นที่รอบตัวที่เห็นทางตา) การมองหา (visual scanning) และการใส่ใจทางตา[7] เพราะว่าอาการมีผลเป็นความพิการอย่างสำคัญทางตาและทางภาษาจึงสามารถมีผลต่อความปลอดภัยของคนไข้แม้ในเวลาที่อยู่ในบ้าน และอาจจะทำให้ไม่สามารถทำอาชีพได้[8] ในหลายกรณี อาการโดยสมบูรณ์ทั้งสามอย่าง คือความไม่สามารถที่จะรับรู้วัตถุต่าง ๆ ในลานสายตาโดยสิ้นเชิง (simultanagnosia) ความยากลำบากในการตรึงตา (oculomotor apraxia) และความไม่สามารถในการขยับมือไปยังวัตถุหนึ่ง ๆ โดยใช้ตา (optic ataxia)จะไม่ปรากฏจนกระทั่งคนไข้ได้รับการพยาบาลเพื่อฟื้นฟูสภาพนักบำบัดโรคผู้ไม่คุ้นเคยกับอาการนี้อาจจะทำการวินิจฉัยผิดเมื่อคนไข้ไม่มีการเจริญคืบหน้าตามที่คาดหวังเพราะเหตุอาการ 3 อย่างเหล่านั้นว่า จะไม่เกิดประโยชน์จากการบำบัดรักษาที่ใช้กันทั่ว ๆ ไปอีกต่อไปเพราะธรรมชาติของอาการแต่ละอย่างจะเป็นตัวขัดขวางความก้าวหน้าแก่กันและกันยังต้องมีงานศึกษาวิจัยอีกมากเพื่อพัฒนาขั้นตอนการรักษาที่มุ่งบำบัดอาการทั้งหมดโดยเป็นกลุ่มเนื่องจากว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวพันกันเป็นอย่างยิ่ง

Simultanagnosia

Simultanagnosia เป็นความไม่สามารถที่จะรับรู้เหตุการณ์หรือวัตถุต่าง ๆ หลายอย่างพร้อม ๆ กันที่ปรากฏในลานสายตา[9] คนไข้อาการนี้รับรู้โลกอย่างไม่สมบูรณ์ คือเป็นลำดับของวัตถุเดี่ยว ๆ ต่อ ๆ กันโดยไม่เห็นภาพรวมทั้งหมด[10]

ความผิดปกติในการรับรู้พื้นที่รอบ ๆ ตัวเกี่ยวเนื่องกับความใส่ใจทางตาคือความสามารถที่มีในการระบุถึงวัตถุเดี่ยว ๆ ในสิ่งที่เห็น แต่ไม่สามารถระบุภาพโดยรวมเรียกว่า เป็นการหดตัวลงของหน้าต่าง gestalt ของคนไข้ซึ่งก็คือหน้าต่างแห่งความใส่ใจทางตาโดยปกติแล้ว มนุษย์จะตรึงตาไปที่จุดต่าง ๆ ในสถานการณ์ทางสังคมเพราะว่าจุดต่าง ๆ เหล่านั้นช่วยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของสถานการณ์นั้น ๆ ดังนั้น การฟื้นฟูสภาพอาการ simultanagnosia อาจจะต้องเกี่ยวข้องกับการขยายหน้าต่างความใส่ใจที่เกิดการหดตัวลง (ที่เป็นลักษณะเฉพาะของอาการนี้)[11]

Simultanagnosia เป็นความบกพร่องทางการเห็นที่ลึกซึ้งเพราะว่า เข้าไปทำลายสมรรถภาพในการรับรู้วัตถุหลาย ๆ อย่างในภาพ ๆ หนึ่งในขณะที่ไม่มีผลต่อความสามารถในการรู้จำวัตถุเดี่ยว ๆผลงานวิจัยหนึ่งเสนอว่า simultanagnosia อาจเกิดจากการแข่งขันแบบสุด ๆ ระหว่าง (การรับรู้) วัตถุต่าง ๆ ซึ่งทำให้ลำบากในการที่จะถอนความใส่ใจจากวัตถุหนึ่งเมื่อเข้าไปใส่ใจในวัตถุนั้นแล้ว[12] คนไข้ simultanagnosia มีหน้าต่างความใส่ใจทางตาที่หดตัวลงและจะไม่สามารถมองเห็นวัตถุเกินกว่าหนึ่งในขณะนั้น ๆคนไข้เห็นโลกแบบปะติดปะต่อ ทีละจุด ๆดังนั้น จึงเลือกเอาเพียงวัตถุหนึ่ง ๆ หรือแม้แต่เพียงแค่องค์ประกอบบางอย่างของวัตถุหนึ่ง ๆโดยที่ไม่สามารถเห็นภาพรวม

งานวิจัยหนึ่งซึ่งทำการตรวจสอบโดยตรงในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการหดตัวของหน้าต่างความใส่ใจในคนไข้ simultanagnosia กับการเห็นของบุคคลสุขภาพดีที่มีการประมวลผลทางตาปกติยืนยันถึงของเขตปัญหาของคนไข้ (ที่กล่าวมาแล้ว)[13]

มีหลักฐานหลายอย่างที่แสดงว่า คอร์เทกซ์ของมนุษยแบ่งการประมวลสัญญาณการเห็นออกเป็นสองสายคือ วิถีประสาทสมองกลีบท้ายทอย-สมองกลีบข้าง-สมองกลีบหน้าประมวลข้อมูลที่แสดงว่า วัตถุหนึ่ง ๆ อยู่ที่ไหน (where pathway)ในขณะที่วิถีประสาทสมองกลีบท้ายทอย-สมองกลีบขมับ-สมองกลีบหน้าประมวลข้อมูลที่แสดงว่า วัตถุหนึ่ง ๆ นั้นคืออะไร (what pathway)[14] (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่สมมุติฐานทางสัญญาณสองทาง)

Oculomotor apraxia

น.พ. แบลินต์เรียกอาการของ Oculomotor apraxia ว่า "psychic paralysis of gaze (อัมพาตทางใจในการจ้องมอง)"ซึ่งเป็นความไม่สามารถขยับตาไปตามใจในเพื่อเปลี่ยนการตรึงตาจากที่ ๆ หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง

Optic ataxia

Optic ataxia เป็นความไม่สามารถในการเคลื่อนมือไปที่วัตถุหนึ่ง ๆ โดยใช้งตา[15] เป็นกรณีที่ไม่สามารถอธิบายความพิการโดยความบกพร่องทางการสั่งการ (motor) ทางการรับรู้ทางกาย (somatosensory) ทางลานสายตา หรือทางความชัดเจนของการเห็น (acuity)Optic ataxia เกิดขึ้นในคนไข้อาการนี้กำหนดโดยความบกพร่องในการควบคุมการยื่นแขนออกไปยังเป้าหมายที่เห็นทางตาพร้อมกับการวางทิศทางและรูปแบบการจับของมือที่ไม่ถูกต้อง[16] เป็นความผิดปกติของการสั่งการอำนวยโดยการเห็น (visuomotor disorder) เฉพาะอย่าง โดยไม่เกี่ยวกับการรับรู้พื้นที่รอบ ๆ ตัวอย่างผิด ๆ

Optic ataxia บางครั้งเรียกว่า "misreaching" (แปลว่า เอื้อมไปผิด) หรือ "dysmetria" (แปลว่า ยากที่จะวัด) ซึ่งเป็นอาการที่มีความเสียหายรองลงไปจากความบกพร่องในการรับรู้ทางการเห็นอื่น ๆคนไข้ Bálint's syndrome มักจะมีการเคลื่อนไหวมือที่บกพร่องที่อาศัยตา แม้ว่าจะมีพละกำลังที่มือแขนเป็นปกติคือคนไข้ไม่สามารถจับวัตถุเมื่อกำลังมองดูวัตถุนั้น ๆ เพราะเหตุความไม่สัมพันธ์กันระหว่างการเห็นและการเคลื่อนไหวมือโดยเฉพาะในมือที่อยู่ตรงข้าม (contralesional) กับรอยโรคในสมอง

Dysmetria หมายถึงการสูญเสียการเคลื่อนไหวที่ประสานกันกำหนดโดยการยื่นมือ แขน ขา หรือการขยับตา ที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปสัมพันธ์กับตำแหน่งที่ต้องการซึ่งบางครั้งพรรณนาว่า เป็นความไม่สามารถในการตัดสินระยะทางหรือขนาด

ดังที่ (น.พ.) แบลินต์กล่าวไว้ optic ataxia ทำให้คนไข้เกิดความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันเนื่องจากว่า "เมื่อกำลังตัดชิ้นเนื้อ...ที่เขากำลังจับไว้ด้วยซ่อมในมือซ้าย...ก็จะเสาะหาชิ้นเนื้อนั้นภายนอกภาชนะด้วยมีดในมือขวา"หรือว่า "...เมื่อกำลังจุดบุหรี่ เขามักจะจุดที่ตรงกลางไม่ใช่ที่ตรงปลาย"(น.พ.) แบลินต์ได้ชี้ถึงความผิดปกติทั้งระบบของของอาการนี้ซึ่งปรากฏได้ชัดในพฤติกรรมของคนไข้เมื่อกำลังสืบหา (อะไร ๆ) ในพื้นที่"ดังนั้น เมื่อบอกให้จับวัตถุที่ยื่นให้ด้วยมือขวาของเขาเขาจะจับมันพลาดเป็นปกติ และจะพบมันได้ก็ต่อเมื่อมือของเขาไปชนมัน"[16]

สมรรถภาพในการเอื้อม (มือและแขน) ของคนไข้ก็จะเปลี่ยนไปด้วยคือ ต้องใช้เวลานานกว่าที่จะเอื้อม (อวัยวะ) ไปหาวัตถุสมรรถภาพการจับวัตถุหนึ่ง ๆ ก็จะเสียหายไปด้วยคนไข้ยิ่งทำได้แย่ลงอย่างมากถ้าไม่ให้เห็นมือหรือเป้าหมาย (ที่จะจับ)

แหล่งที่มา

WikiPedia: Bálint's syndrome http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=368.... http://informahealthcare.com/doi/abs/10.3109/09638... http://content.karger.com/ProdukteDB/produkte.asp?... http://www.medfriendly.com/balintssyndrome.php5 http://www.medscape.com/viewarticle/410860_5 http://www.whonamedit.com/ http://www.whonamedit.com/synd.cfm/1343.html http://www.nidcd.nih.gov/health/voice/pages/apraxi... //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1736566 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1736971